ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง…เมื่อศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” หลังก่อเหตุฆาตกรรม “ก้อย” ด้วยการวางยาจนถึงแก่ชีวิต ส่วนอดีตสามีตำรวจและ “ทนายพัช” ต้องโทษจำคุกด้วย
ในวันนี้ (20 พฤศจิกายน 2567) ศาลอาญาได้พิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” หรือ “สรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์” ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมต่อเนื่องคนในวงแชร์เสียชีวิต 14 คน รอดชีวิต 1 ราย จนถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมทั้งปลอมแปลงและทำลายเอกสารหลักฐาน
โดย “แอม ไซยาไนด์” ถูกจับกุมตัวได้หลังก่อเหตุวางยาสังหาร “ก้อย” ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายจากน้ำมือของเธอ และเมื่อรวมข้อหาทั้งหมดที่เธอก่อมาตั้งแต่ปี 2563-2566 พบว่ามีทั้งหมด 80 ข้อหา ทำให้เธอกลายเป็นผู้ต้องคดีอาญามากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และยังมีอีก 14 สำนวน (คดี) ที่พนักงานอัยการเตรียมจะส่งฟ้องต่อศาลอีกในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ส่วน “พ.ต.ท. วิฑูรย์ รังสิวุฒฒาภรณ์” อดีตสามีตำรวจของ “แอม ไซยาไนด์” ถูกพิพากษาตัดสินจำคุก 1 ปี 4 เดือน ขณะที่ “ทนายพัช” หรือ “ธัญนิชา เอกสุวรรณวัฒน์” อดีตทนายความของ “แอม ไซยาไนด์” ก็ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลา 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานช่วยเหลือจำเลย ซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน
ทั้งนี้ จากคำบอกเล่าของ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธาน “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” ได้เผยให้ผู้สื่อข่าวของ “มติชนออนไลน์” ทราบว่า จากรีแอคชั่นของ “แอม ไซยาไนด์” ขณะฟังคำพิพากษา ซึ่งยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง ผู้ต้องหารายนี้ไม่ได้มีท่าทีเสียใจ, ไม่ได้ร้องไห้, ไม่สลด และยิ้มแย้มแจ่มใสหัวเราะกับทนายในศาลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่กล้าสบตากับฝั่งโจทก์ที่ฟ้องร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตจากการวางยาของผู้ต้องหา
ที่มาข้อมูล: มติชนออนไลน์ และ Thai PBS
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: “แอม ไซยาไนด์” กลายเป็นผู้ต้องหาที่มีคดีอาญามากสุดในประวัติศาสตร์ไทย รวมแล้ว 80 ข้อหา
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: “ธันย์พิชา เอกสุวรรณวัฒน์” เลิกเป็นทนายให้ “แอม ไซยาไนด์” แล้ว หลังลูกความถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำ
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง: ทนายของ “แอม ไซยาไนด์” วอนอย่าบูลลี่หน้าตาไม่ตรงปก เผยอดีตเคยเป็นนางงามขวัญใจชาวนา