ในวันนี้ (12 ตุลาคม 2565) “พรรคเพื่อไทย” ได้เสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประกบ “แพทองธาร ชินวัตร” ในการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า (2566) สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคนในแวดวงธุรกิจและคนไทยทั้งประเทศอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดว่า เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ในไทยคนนี้จะโดดลงมาเล่นการเมืองกับเขาด้วย
ว่าแต่เขาคือใคร? มีประวัติการศึกษาและการทำงานเด่น สมฐานะที่เป็นความหวังของชาติรึเปล่า? ตาม The Joi ไปดูกันเลย!
ประวัติส่วนตัวและการศึกษา
“เศรษฐา ทวีสิน” มีชื่อเล่นว่า “นิด” เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 (ปัจจุบันอายุ 59 ปี) จบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการเงินจาก “Claremont Graduate School” ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านไลฟ์สไตล์เขาชอบสะสม “Trunk” หีบเดินทางสุดคลาสสิกที่หายากและมีมูลค่าสูง ของแบรนด์หรูหลายแบรนด์อย่างเช่น “Louis Vuitton”, “Supreme” และ “Goyard” เป็นต้น
ปัจจุบัน “เศรษฐา ทวีสิน” ดำรงตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)” มีผลประกอบการในปี 2564 สูงถึง 29,747.52 ล้านบาท และทำกำไรได้ 2,017.28 ล้านบาท
ส่วนชีวิตครอบครัว “เศรษฐา ทวีสิน” ได้สมรสกับ “แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามด้านผิวพรรณ และมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ “น้อบ”, “แน้บ” และ “นุ้บ” ซึ่งหนึ่งในลูกชายของเขาก็เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานอย่างเรียบง่ายในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ กับแฟนสาวตาน้ำข้าวเมื่อเมษายน 2565 ที่ผ่านมานี้เอง
ประวัติการทำงานและผลงาน
“เศรษฐา ทวีสิน” เริ่มทำงานครั้งแรกในปี 2529 เป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ “บริษัท P&G ประเทศไทย” ก่อนหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ “บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)” ของตัวเอง ด้วยความที่กล้าคิด กล้าทำ จึงทำให้เขามีโครงการใหม่ ๆ สำหรับขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละยุคสมัย
ด้วยความที่เป็นคนหัวก้าวหน้าและแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อธุรกิจและสังคมเขาอยู่เสมอ ก็ทำให้ “เศรษฐา ทวีสิน” มีโปรเจ็กต์ที่เป็นประโยชน์ต่อคนทุกเพศทุกวัยมากมาย เช่น “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ในจังหวัดราชบุรี และในปี 2566 จะดำเนินโปรเจ็กต์นี้ในอีก 4 อำเภอ และในปี 2567 อีก 3 อำเภอในจังหวัดราชบุรี เพื่อช่วยเหลือทั้งเด็กปฐมวัยและเด็กนอกระบบกว่า 11,200 คน ที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา
หรือโปรเจ็กต์ “No One Left Behind” ที่มุ่งช่วยเหลือสังคมทุกระดับ ล่าสุด “แสนสิริ” บริษัทของเขาก็ได้อุดหนุนแตงโมกว่า 14 ตัน จากเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ และลำไย 12 ตัน จากจังหวัดลำพูน เพื่อมาแจกจ่ายให้กับลูกบ้านแสนสิริกว่า 1,000 ครัวเรือน และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด รวมถึงมะม่วงจากเกษตรกรกว่า 6 ตัน ก็นำส่งไปช่วยเลี้ยงช้างที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย เป็นต้น
และทุกโครงการของ “เศรษฐา ทวีสิน” ล้วนสะท้อนความคิดเชิงแก้ปัญหาสังคมเชิงโครงสร้างที่ “คนตัวใหญ่ ต้องช่วยคนตัวเล็ก” ด้วยความคิดและวิสัยทัศน์ของเขาที่พร้อมจะแบ่งปั้นให้กับทุกคน โดยเฉพาะประเด็นทางสังคม การเมือง ก็ทำให้เขากลายเป็น “ซีอีโอสาย Call Out” ที่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลให้ “แสนสิริ” ติด 1 ใน 10 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย
“เศรษฐา ทวีสิน” อยากเป็น “นายกฯ” จริงหรือ?
โปรไฟล์ส่วนตัวและอาชีพการงานของ “เศรษฐา ทวีสิน” นั้นเริ่ดมากปังไม่ไหวอยู่แล้ว แต่คำถามที่เกิดขึ้นในใจคนไทยต่อมาคือ “เขาอยากเป็นนายกฯ จริงเหรอ?” The Joi เลยได้ไปค้นบทความสัมภาษณ์ของเจ้าพ่ออสังหาฯ คนนี้ในประเด็นดังกล่าวกับสำนักข่าว “เดลินิวส์” เมื่อไม่นานมานี้
เขาเผยว่า “หลายคนเข้าใจว่า ตัวเองพูดมาก เพราะอยากเป็นนายกรัฐมนตรี อยากเป็นรัฐมนตรี แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้อยากเป็นอะไรเลย ไม่ได้หิวแสง ไม่ได้ต้องการพื้นที่สื่อฯ เพราะชีวิตทุกวันนี้มีกินมีใช้และสุขสบายมากด้วย แต่ปีหน้าอายุถึง 60 ปีแล้ว และเชื่อว่าตนมีประสบการณ์พอสมควร ดังนั้นจึงมีการเสนอแนะอะไรออกไปบ้างทางโลกโซเชียล บนพื้นฐานของการระมัดระวังคำพูด โดยมีเส้นแบ่งอย่างชัดเจนระหว่างความตรงไปตรงมา แต่ไม่ก้าวร้าวหยาบคาย ไม่ได้ต้องการ “ด้อยค่า-ด้อยคุณภาพ” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ในสายตาสาธารณะ”
ที่มาข้อมูล: ไทยรัฐออนไลน์, มติชนออนไลน์, เดลินิวส์ และ กรุงเทพธุรกิจ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: 5 นักการเมืองไทยรุ่นใหม่ ฉายแววนายกฯ คนต่อไป
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ตื่นเต้นมาก ๆ เลย! “โอ๊ค พานทองแท้” แต่งงานแล้วแบบลับ ๆ กับสาวคนสนิท
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เปิดประวัติ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคดัง ดีกรีนักเรียนนอก สู่ผู้ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อนับสิบ