หลังจากศึกชิงผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครได้ปิดจ็อบสวยงามกันลงไปแล้วเมื่อคืนนี้ (22 พฤษภาคม 2565) ในที่สุดคนกรุงเทพฯ ก็ได้มีผู้ว่าฯ คนใหม่อย่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ซึ่งสามารถเอาชนะผู้เข้าสมัครคนอื่น ๆ ไปได้ด้วยคะแนนนำลิ่วแบบถล่มทลาย
และแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์สามารถเอาชนะใจคนกรุงเทพฯ ได้ นอกเหนือจากไลฟ์สไตล์และนโยบายที่โดนใจแล้ว ประวัติการทำงานทางด้านการเมืองและการบริหารที่ไม่ธรรมดาของเขาก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หลายคนเชื่อถือและตัดสินใจเทคะแนนให้เขา วันนี้ The Joi เลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดประวัติทำความรู้จักกับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่ากทม. คนที่ 17 ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีคนนี้กัน!
ประวัติส่วนตัวของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”
“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เกิดวันที่ 24 พฤษภาคม 2509 ปัจจุบันอายุ 56 ปี ชื่อเล่น “ทริป” เป็นลูกชายของพลตำรวจเอกเสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และนางจิตต์จรุง สิทธิพันธุ์ (กุลละวณิชย์) มีพี่น้องอีก 2 คนคือ รศ. ปรีชญา สิทธิพันธุ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งฝาแฝดผู้พี่ของอาจารย์ชัชชาติอย่าง รศ. นพ. ฉันชาย สิทธิพันธุ์ กรรมการแพทยสภา วาระ พ.ศ. 2562-2564 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ปัจจุบันชัชชาติ สิทธิพันธุ์สมรสกับกับนางปิยดา สิทธิพันธุ์ (อัศวฤทธิภูมิ) พนักงานการบินไทย และมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน คือนายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยินตั้งแต่กำเนิด และต่อมาได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียมเมื่อปี 2545 คุณชัชชาติเคยเล่าว่าในตอนที่รู้ว่าบุตรชายหูหนวก ถือเป็นวินาทีเปลี่ยนชีวิต เขาสับสนและทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อได้สติคุณชัชชาติก็เริ่มหาข้อมูลและตัดสินใจพาลูกไปผ่าตัดประสาทหูเทียมที่ออสเตรเลีย และคุณชัชชาติเองก็ต้องทุ่มเทเพื่อสอบเอาทุนไปทำวิจัย จะได้ไปอยู่ใกล้ ๆ ลูกชาย
ปัจจุบันลูกคุณชัชชาติเป็นหนึ่งในผู้พิการทางการได้ยินเพียงไม่กี่คน ที่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนเด็กปกติได้ และสามารถสื่อสารได้โดยใช้ภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นภาษาที่ไม่มีเสียงวรรณยุกต์
ประวัติด้านการศึกษาของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์เข้ารับการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และระดับอุดมศึกษาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาแบบแข็งแกร่งด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง คนเดียวในรุ่น
หลังจากนั้นชัชชาติได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และจบการศึกษาจากสาขาวิศวกรรมโครงสร้าง สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังสามารถคว้าปริญญาโทมาครองได้อีก 1 ใบในสาขาบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะชัชชาติ สิทธิพันธุ์ยังเรียนต่อปริญญาเอก ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ปี 2530
ประวัติด้านการทำงานของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”
ชัชชาติเคยทำงานเป็นวิศวกรโครงสร้างในบริษัทเอกชน และต่อมาในปี 2538 ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ และผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายจัดการทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี 2548-2555 อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง
ในช่วงที่ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ยังทำงานในฐานะนักวิชาการ เขาได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานและให้เป็นที่ปรึกษาแก่กระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลสมัคร ก่อนที่สุดท้ายจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และสร้างผลงานอันโดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากมาย โดยชัชชาติเคยให้เหตุผลที่ตัดสินใจหันมาทำงานสายการเมือง ว่าเป็นเพราะอยากให้ลูกชายที่เป็นผู้พิการทางการได้ยินตั้งแต่กำเนิด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่สุดท้ายเมื่อเกิดการรัฐประหารและสิ้นสุดสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์เองก็ถูกคลุมหัว มัดมือ และถูกนำตัวไปค่ายทหาร ซึ่งในวันดังกล่าวตรงกับวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ดังนั้นในเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันที่ชัชชาติได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. จึงเป็นวันที่ครบรอบ 8 ปีของเหตุการณ์ดังกล่าวพอดี
ต่อมาเจ้าตัวก็ได้เปลี่ยนสายจากเส้นทางการเมือง ไปทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์แทน โดยได้ดำรงตำแหน่งเป็นถึง CEO ของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
และในปี 2565 ชัชชาติก็ได้กลับมาสานต่อเส้นทางทางการเมืองของเขา ด้วยการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
ที่มาของความแข็งแกร่งและไลฟ์สไตล์ติดดินโดนใจชาวกรุงเทพฯ
ชัชชาติได้กลายเป็นที่พูดถึงเรื่องของความแข็งแกร่ง จากภาพที่เจ้าตัวถอดรองเท้าเดินถือถุงแกงในตำนาน แต่กลับดูทรงพลังจนกลายเป็นมีมดัง และด้วยความติดดินนี้เองที่ทำให้หลายคนมองว่าชัชชาติเข้าใจไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ
ตอนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เจ้าตัวก็ยังโหนรถเมล์ ซ้อนวินมอเตอร์ไซค์ นั่งรถสองแถว และโดยสารรถไฟ นอกจากนี้ยังเคยเข้าไปตรวจสอบการทำงานขององค์กรรัฐโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งคุณชัชชาติก็ได้ประกาศหลังจากรับตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครว่าจะเข้าไปตรวจสอบการทำงานของเขตต่าง ๆ แบบไม่แจ้งให้ทราบก่อนเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นผักชีเต็มเขตแน่นอน!
คุณชัชชาติเคยบอกว่าลูกชายที่เป็นผู้พิการทางการได้ยินเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากดูแลรักษาสุขภาพ ในเวลาว่างชัชชาติจึงมักจะออกไปวิ่งหรือปั่นจักรยานที่สวนลุมพินี และด้วยไลฟ์สไตล์ที่ติดดินนี้เองทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตัวเขาได้อย่างง่ายดาย โดนใจสุด ๆ
ยังไงพวกเรา The Joi ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์มา ณ โอกาสนี้ด้วย และหวังว่า 4 ปีต่อจากนี้ กรุงเทพมหานครจะกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
ที่มาข้อมูล: ไทยรัฐ, Wikipedia, ประชาชาติธุรกิจ, Sanook
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ชาวเน็ตสงสัย “ลุงไนท์ Gssspotted” เป็นอะไรกับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” จนติดอันดับการค้นหาบน Google!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: แข็งแกร่ง! “ชัชชาติ” ปั่นจักรยานมาสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถึงเป็นคนแรก จับได้เบอร์ 8!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: มีคนโป๊ะ! “เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์” ยันไม่เกี่ยวข้อง “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” ตามที่ “เอ้ สุชัชวีร์” อ้าง