ประเทศญี่ปุ่นกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ใครที่เฝ้ารอจะไปท่องแดนซากุระแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อสัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารอันเลิศรส ก็เตรียมแพลนเที่ยวกันตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้กันเลย! แต่สำหรับคอการ์ตูนญี่ปุ่นของ “สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli)” The Joi ก็มีที่เที่ยวในญี่ปุ่นตามรอยการ์ตูนจิบลิ มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเช็คอินให้ครบทั้งหมด 10 แห่งด้วยกัน ถ้าไปไม่ครบถือว่าพลาด!
1. “โดโงะออนเซนฮอนคัง” จากเรื่อง “Spirited Away มิติวิญญาณมหัศจรรย์”
หนึ่งในน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุด (อายุมากกว่า 100 ปี) แห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองมัตสึยามะ จังหวัดเอฮิเมะ ในอดีต “โดโงะออนเซนฮอนคัง” เคยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของครอบครัวจักรพรรดิญี่ปุ่นด้วย นอกจากมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีห้องอาบน้ำที่สวยงาม และที่พักเรียวกังต่าง ๆ ให้เลือกมากมายอีกด้วย
พิกัด: https://goo.gl/maps/1AbB5ZmyH3NPGJM17
เวลาเปิด-ปิด: 06:00-23:00 น.
เว็บไซต์: https://dogo.jp/en/
2. “เซกิเซ็นคัง” จากเรื่อง “Spirited Away มิติวิญญาณมหัศจรรย์”
สะพานแห่งนี้อยู่ใกล้กับโรงอาบน้ำดัง “ชิมะออนเซ็น” ของโรงแรม “เซกิเซนคัง” ในจังหวัดกุมมะ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบ่ออาบน้ำร้อนที่เก่าแก่ที่สุดของแดนปลาดิบ เพื่อน ๆ เห็นสะพานแดงในการ์ตูนเรื่อง “Spirited Away” อย่างไร ของจริงก็หน้าตายังไงยังงั้นเลย! ไม่มีทางไปผิดที่แน่นอน และด้วยความที่สร้างอยู่ในป่า ก็ยิ่งทำให้สะพานแห่งนี้ดูมีมนต์ขลังสุด ๆ
พิกัด: https://goo.gl/maps/svi5DNqPg1VgBfTj9
เวลาเปิด-ปิด: ตลอดเวลา
เว็บไซต์: https://www.sekizenkan.co.jp/en/
3. “เกาะซาโดะ” จากเรื่อง “Spirited Away มิติวิญญาณมหัศจรรย์”
เพื่อน ๆ จำเรือที่เป็นถังไม้ยักษ์ในเรื่อง “Spirited Away” กันได้รึเปล่า? เชื่อว่าหลายคนคิดว่า เป็นเพียงจินตนาการของนักวาดและผู้เขียนเรื่องเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมันได้แรงบันดาลใจมาจากของจริง ที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า “ทาไรบุเนะ (Taraibune)” ที่สำคัญเพื่อน ๆ สามารถล่องทะเลบนถังไม้ยักษ์ได้จริง ๆ แบบในการ์ตูนด้วยนะ ถ้าไม่อยากพลาดทำกิจกรรมนี้อย่าลืมไปที่เกาะซาโดะในจังหวัดนีงาตะกันล่ะ
พิกัด: https://goo.gl/maps/Zcx3R8qGRFMTJYDK9
เวลาเปิด-ปิด: 08:00-17:00 น. (หยุดทุกวันที่ 21 ตุลาคม เนื่องจากมีงานเทศกาลของหมู่บ้าน และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมของทุกปี)
เว็บไซต์: https://www.visitsado.com/en/spot/detail0039/
4. “ป่าโทโทโร่ในซายามะฮิลส์” จากเรื่อง “My Neighbor Totoro โทโทโร่ เพื่อนรัก”
หากเพื่อน ๆ อยากเจอสิ่งมีชีวิตตัวขนหน้าตาน่ารักแบบในการ์ตูนเรื่อง “My Neighbor Totoro” ต้องไม่พลาดไปเดิน “ป่าโทโทโร่” หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “โทโทโร่โนะโมริ” ซึ่งตั้งอยู่ในซายามะฮิลส์ ที่สำคัฐป่าแห่งนี้ยังเป็นป่าสงวนที่คุ้มครองโดยมูลนิธิโทโทโร่โนะฟุรุซาโตะ หรือภาษาอังกฤษคือ “The Hometown of Totoro” และระหว่างที่เพื่อน ๆ เดินชมธรรมชาติในป่าใหญ่แห่งนี้ ตามทางก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เรียกว่า “บ้านคุโรสุเกะ (Kurosuke’s Hiuse)” ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถแวะถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นโทโทโร่ยักษ์สุดน่ารัก หากใครเป็นสายเดินป่า The Joi ขอแนะนำให้มาที่นี่เลย
พิกัด: https://goo.gl/maps/ZwQmahQfDjxuzVcZ8
เวลาเปิด-ปิด: ช่วงการแผ่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มีการปิดป่าห้ามนักท่องเที่ยวเข้าตลอดเวลา ดังนั้น ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชม เพื่อน ๆ อย่าลืมเช็คเวลาเปิด-ปิดบนเว็บไซต์ทางการของเขากันก่อนล่ะ
เว็บไซต์: https://www.totoro.or.jp/totorofund/index.html
5. “บ้านของซัตสึกิและเมอิ” จากเรื่อง “My Neighbor Totoro โทโทโร่ เพื่อนรัก”
หากเดิน “ป่าโทโทโร่” ยังฟินไม่พอ The Joi ขอแนะนำให้เพื่อน ๆ มาเหยียบ “บ้านของสองพี่น้องซาสึกิและเมอิ” บ้านแห่งนี้ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสันติภาพไอจิคิวฮากุ และยังเป็นที่ตั้งของสวนสนุกธีมจิบลิด้วย เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวได้ที่สองที่ในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ สามารถ Walk-In เข้าชมบ้านทั้งในและนอก แต่เพื่อความชัวร์ The Joi แนะนำว่าให้จองไปก่อนก็ดีนะ
พิกัด: https://goo.gl/maps/HmwUb5vMryBuFsuEA
เวลาเปิด-ปิด: 10:00-16:00 น. (และปิด 16:30 น. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการของญี่ปุ่น)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 520 เยน และเด็ก 250 เยน
เว็บไซต์: https://www.aichi-koen.com/moricoro/shisetsu/satsukitomei/
6. “ร้านขายขนม Shirohige’s Cream Puff Factory” จากเรื่อง “My Neighbor Totoro โทโทโร่ เพื่อนรัก”
เที่ยวอย่างเดียวไม่กินก็ไม่ครบเครื่องเรื่องเที่ยวสไตล์คนไทย เพื่อน ๆ ที่ชอบเรื่อง “My Neighbor Totoro” เป็นพิเศษ The Joi ขอแนะนำที่แห่งนี้เลย “ร้านขนม Shirohige’s Cream Puff Factor” ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว มีทั้งหมด 2 สาขา เป็นคาเฟ่ธีมโทโทโร่สุดคิ้วท์ได้ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว ไม่อยากจะเดินออกไปเลยเชียวล่ะ เมนูเด็ดของร้านขนมแห่งนี้คือ “ครีมพัฟฟ์รูปโทโทโร่” ที่มีวางจำหน่ายในตู้โชว์ทุกวัน นอกจากนี้ ตัวขนมยังมีรูปทรงโทโทโร่ในอิริยาบถต่าง ๆ ไม่ซ้ำกันอีกด้วย เมนูอร่อยอย่างอื่นที่ The Joi ขอแนะนำอีกก็คือ เมนูคัสตาร์ดครีมกับช็อคโกแลต แม้จะมีวางขายตลอกทั้งปี แต่เพื่อน ๆ ต้องลองรสชาติประจำแต่ฤดูกาลด้วย เพราะรสชาติแจ่มว้าวไม่แพ้กัน!
พิกัด: https://goo.gl/maps/taABiBVAE2Y5DRxu9
เวลาเปิด-ปิด: 10:30-19:00 น. และหยุดทุกวันอังคาร (หากวันอังคารเป็นวันหยุดราชการ จะเปลี่ยนไปหยุดวันพุธแทน)
7. “ป่าดึกดำบรรพ์บนเกาะยาคุชิมะ” จากเรื่อง “Princess Mononoke เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร”
อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในญี่ปุ่นที่เหมาะกับสายเดินป่าที่ชื่นชอบการ์ตูนจิบลิอีกแห่งก็คือ “ป่าดึกดำบรรพ์” บนเกาะยาคุชิมะ จังหวัดคาโกชิมะ ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้เห็นต้นมอสส์ปกคลุมพื้นทางเดินและต้นไม้แทบทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในป่าเทพนิยาย
พิกัด: https://goo.gl/maps/SBiWvQHtHCcLt7wo8
เว็บไซต์: https://www.yakushimatourism.com/
8. “ท่าเรือโบราณโทโมโนะอุระ เกาะโปเนียว” จากเรื่อง “Ponyo on the Cliff by the Sea โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย”
เมืองติดทะเลริมเล็ก ๆ ที่ปรากฎในการ์ตูนเรื่อง “โปเนียว” ได้แรงบันดาลใจมากจากท่าเรือของเมืองโทโมโนะอุระ ในจังหวัดฮิโรชิม่า ท่าเรือของที่นี่ยังโดดเด่นตรงที่มีรูปทรงโค้ง
พิกัด: https://goo.gl/maps/2oWUrH7tgmDgPFmJ9
เวลาเปิด-ปิด: ตลอดเวลา
เว็บไซต์: https://tomonoura.life/en/
9. “ศาลเจ้าคอนปิระที่สถานีเซเซกิ ซากุระกาโอกะ” จากเรื่อง “Whisper of the Heart วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู”
อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวสุดอัศจรรย์ในการ์ตูนจิบลิที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาด และตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่นอีกแห่ง นั่นก็คือ “ศาลเจ้าคอนปิระ” ที่ตั้งอยู่อยู่หน้าสถานีเซเซกิ ซากุระกาโอกะเลย และขอบอกว่า ภาพวาดในการ์ตูนนั้นเหมือนกับของจริงเป๊ะ ๆ
พิกัด: https://goo.gl/maps/v34ueXyNo5TG9nkH9
เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน
เว็บไซต์: http://seiseki-s.com/img/mimisuma2.pdf
10. “สวนยามาชิตะ” จากเรื่อง “From Up on Poppy Hill ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์”
สถานที่สุดท้ายที่แฟนการ์ตูน “สตูดิโอจิบลิ” ต้องไปเช็คอินคือ “สวนสาธารณะยามาชิตะ” ที่นี่นอกจากเพื่อน ๆ จะได้เดินเล่นในสวนสวย ชมวิวทะเลแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่จอดเรือเดินสมุทรอันโด่งดังคือ “ฮิคาวะ มารุ (Hikawa Maru)” ซึ่งจอดลอยลำให้ได้ถ่ายรูปกันสวย ๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้ มันยังถูกใช้เปิดเป็นพิพิธภัณให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์ของมันด้วย
พิกัด: https://goo.gl/maps/1AbB5ZmyH3NPGJM17
เวลาเปิด-ปิด: 06:00-23:00 น.
เว็บไซต์: https://dogo.jp/en/
รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวจริงที่ผู้สร้างการ์ตูน “สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli)” นำไปวาดในการ์ตูนดังเรื่องต่าง ๆ กันแล้ว ต่อมาก็เป็นหน้าที่ของเพื่อน ๆ แฟนการ์ตูนจิบลิที่ต้องเดินทางไปเช็คอินกันให้ครบ และดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามและอบอุ่นในสไตล์ญี่ปุ่นหลังญี่ปุ่นเปิดประเทศเต็มตัว ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 นี้เป็นต้นไป ก่อนไปก็อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขผ่อนปรนวีซ่าท่องเที่ยวของญี่ปุ่นกันก่อนนะทุกคน!
ที่มาข้อมูล: Dig Japan และ Japan Travel
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: แฟนคลับต้องปักหมุด! พาไปตามรอย 7 สถานที่ “ย่านพระนคร” ของนักแสดงซีรีส์ชื่อดัง “มาย-อาโป”
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ไม่ต้องบินก็ฟินได้! กับ 6 ที่เที่ยวสไตล์ญี่ปุ่นที่ราวกับยกแดนปลาดิบมาไว้เมืองไทย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: นักท่องเที่ยวบุกโพฮัง! ตามรอย Hometown Cha-Cha-Cha จนเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน