อากาศหนาว ๆ แบบนี้ เพื่อน ๆ หลายคนคงจะไม่อยากลุกไปอาบน้ำกันใช่มั้ย? แต่พอไม่อาบน้ำก็จะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ไม่ต้องกังวลไป เพราะล่าสุดงานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้เปิดเผยว่า ความสะอาดของร่างกาย ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าพวกเรา “อาบน้ำบ่อยแค่ไหน” แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา “อาบน้ำอย่างไร” ต่างหาก
“Dr. Casey Carlos” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานดิเอโก้ เปิดเผยกับทางสำนักข่าว TODAY.com ว่า “หลายคนไม่รู้ว่าผิวหนังของคนเรานั้น มีกลไกการทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้ว” นอกจากนี้ยังระบุว่าสบู่ที่พวกเราใช้เป็นปกติ จะชำระล้างเอาไขมันบนชั้นผิวของพวกเราออกไป ทำให้ผิวหนังแห้งหรือแตกได้
และถึงแม้จะสังเกตได้ยากด้วยตาเปล่า แต่เมื่อผิวแห้งแตกแล้ว ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเชื้อโรคหรือแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าสู่ผิวหนัง นอกจากนี้สบู่ที่พวกเราใช้กันก็ถือเป็นอีกแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ดังนั้นเมื่อฟอกสบู่ นอกจากจะทำให้ไขมันบนผิวหนังที่ทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันถูกขจัดทิ้งไปแล้ว ยังทำให้แบคทีเรียตัวร้ายตรงเข้าสู่ผิวหนัง จนบางคนเกิดอาการระคายเคือง ผิวแดง แสบ และคันได้เลย
โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ก็ได้ระบุว่า สบู่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยขจัดน้ำมันบนผิวหนัง ดังนั้นหากใครที่กังวลเรื่องความสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก็สามารถใช้สบู่เฉพาะจุดที่มักจะเกิดความอับชื้นได้ เช่นบริเวณรักแร้, ขาหนีบ และเท้า และหลีกเลี่ยงการฟอกสบู่บริเวณหน้าอก ขา แขน และแผ่นหลัง
ดังนั้นหากใครที่อาบน้ำบ่อย ๆ แล้วรู้สึกว่าผิวเริ่มแห้ง เวลาอาบน้ำแล้วเกิดผิวแดงหรือมีอาการคันขึ้นมา ก็อาจจะหมายความว่าเราอาบน้ำถี่เกินไป ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ลดความถี่ในการอาบน้ำลง หรืออาจจะชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเปล่าแทนการใช้สบู่ และหมั่นทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ้มชื้นให้กับผิวหนัง
อ่านมาถึงตรงนี้ ชาวใจสะอาด การอาบน้ำไม่สำคัญ คงจะยิ้มกรุ้มกริ่มกันอยู่ ก็ซักแห้งวนไปเลยสิคะ!
ที่มาข้อมูล: Wongnai, TODAY.com
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ลาก่อนความโสด! งานวิจัยเผย “คนที่ทำตัวแปลก” มีโอกาสหาแฟนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป