เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ มีรายงานว่ากลุ่มตาลีบันได้เข้ายึดกรุงคาบูลและทำเนียบสำเร็จแล้ว โดยมีการวางตัวมุลลาฮ์ อับดุล กานี บาราดาร์ (Mullah Abdul Ghani Baradar) ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ทางด้านอดีตประธานาธบดี อัชราฟ กานี (Ashraf Ghani) อดีตรองประธานาธิบดีทั้งสองคน และเจ้าหน้าที่อาวุโสจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางออกจากประเทศเมื่อวานนี้
โดยด้านอดีตประธานาธบดี อัชราฟ กานี ได้เผยว่าการที่เขาตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศนั้นเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดและการปะทะกับกลุ่มตาลีบัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อประชาชนหลายล้านคนในกรุงคาบูล ทำให้เขาต้องตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ
ซึ่งขัดกับคำแถลงการณ์ของทางรัฐบาลอัฟกานิสถานก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าจะยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มตาลีบันอย่างเต็มที่ และยืนเคียงข้างประชาชน
ด้านนายซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด (Zabihullah Mujahid) โฆษกของกลุ่มตาลีบัน ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า กองกำลังของพวกเขา เข้าสู่เมืองหลวงแห่งนี้อย่างสงบ จะไม่มีการแก้แค้นนองเลือดใด ๆ ทั้งสิ้น ฝั่งประชาชนชาวอัฟกานิสถาน ต่างพากันอพยพหนีไปตามชายแดน และข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างปากีสถานเป็นจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) แห่งสหราชอาณาจักร แถลงการณ์รับสภาพว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจ และเกิดรัฐบาลใหม่ขึ้นในอัฟกานิสถานเร็ว ๆ นี้ พร้อมระบุว่าการตัดสินใจถอนทหารของสหรัฐฯ เร่งให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้น ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่าต่อจากนี้เป็นเรื่องของชาวอัฟกานิสถานเอง
จึงเกิดคำถามว่าต่อจากนี้ อัฟกานิสถานภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่จะเดินหน้าไปในทิศทางไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำถามสำคัญเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิง
ที่มาข่าว aljazeera, BBC
