ถือเป็นเรื่องฮือฮาปนสะเทือนใจเมื่อแฟน ๆ ได้รับรู้ว่านักร้องสาว เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป็อปอย่าง “บริทนีย์ สเปียร์” ต้องทนทุกข์กับระบบผู้พิทักษ์โดยพ่อแท้ ๆ ของเธอ ที่ทำให้เธอมีชีวิตราวกับทาสตลอด 13 ปี
ก่อนหน้านี้บริทนีย์ สเปียร์ได้ให้การต่อศาลสูงในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องให้ผู้พิพากษามีคำสั่งให้เธอได้รับอิสระจากการต้องอยู่ภายใต้การพิทักษ์ดูแล (conservatorship) จาก นายเจมี สเปียร์ส บิดาของเธอ ซึ่งครอบครองชีวิตและทรัพย์สินของเธอ นับ 60 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,860 ล้านบาท) มานานนับ 13 ปีแล้ว จนเกิดเป็นกระแสเรียกร้องจากแฟนคลับ ในแคมเปญ FreeBritney
โดยบริตนีย์ระบุว่าคำสั่งของศาลที่ให้พ่อทำหน้าที่พิทักษ์ชีวิตเธอ ทำให้เธอมีชีวิตราวกับทาส โดยประเด็นหลัก ๆ ที่ทำให้เธอออกมาสู้เพื่อตัวเอง เพราะเธอถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเธอเองไม่ได้ต้อการ ทั้งการใส่ห่วงคุมกำเนิดเพื่อป้องกันไม่ให้มีลูก และถูกบังคับให้กินยาลิเทียม ซึ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคอารมณ์แปรปรวน เพื่อบรรเทาความปรารถนาต่าง ๆ ของเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกขโมยชีวิตของตัวเองไป
ล่าสุดวันนี้ (30 กันยายน 2564) ก็ได้มีข่าวดีมาให้แฟน ๆ และนักร้องสาวต้องดีใจ หลังศาลพิพากษา ปลดนายเจมี สเปียร์สให้พ้นจากตำแหน่งผู้พิทักษ์ดูแลแล้ว โดยศาลได้รับคำร้องจากทนายคนใหมของนักร้องสาว ให้ยุติบทบาทการเป็นผู้พิทักษ์ของเธอ รวมถึงการครอบครองทรัพย์สินของเธอมูลค่ากว่า 60 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น)
โดยทนายของบริทนีย์ แมทธิว โรเซนการ์ด ได้กล่าวต่อศาลว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของเธอ ได้โปรดรับฟังคำอ้อนวอนจากลูกความของผมด้วย” และหลังจากที่ได้รับฟังคำให้การของทั้งสองฝ่าย ศาลก็ได้พิจารณาและตัดสินให้ระงับสิทธิ์ของนายเจมี สเปียร์สในการครอบครองทรัพย์สินและชีวิตของลูกสาว
อย่างไรก็ตาม ระบบผู้พิทักษ์ของบริทนีย์นั้นยังคงอยู่และไม่ได้ถูกยกเลิก เพียงแต่ว่าผู้ดูแลของเธอจะไม่ใช่คุณพ่อของเธออีกต่อไป ดังนั้นแฟนคลับและตัวนักร้องสาวคงจะต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ศาลจะมีคำสั่งให้ยุติระบบนี้อย่างถาวร เพื่ออิสระของนักร้องสาวในฐานะคนคนหนึ่งหรือไม่
ที่มาข้อมูล New York Times