featured ที่ประชุม ศบค. ด่วน! โดยมี “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมศบค. ครั้งที่ 9/2564 (ผ่านระบบ Video Conference) เมื่อเวลา 10:00 น. ที่ผ่านมา มีผลสรุปจากการประชุมว่า ให้ “ล็อกดาวน์ 14 วัน” ในพื้นที่เสี่ยงสูง...
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ที่มีจุดเริ่มต้น หรือจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงย่านทองหล่อเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดสะสมในประเทศไทยจำนวน 242,058 คนแล้ว ล่าสุดวันนี้ มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 6,087 คน เสียชีวิต 61 ราย ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่เห็น ไม่ได้มีเพียงเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานเท่านั้น แต่ยังมีบรรดาเหล่าดาราไทยที่มีชื่อเสียงติดเชื้อโควิดกันเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งร้อย! ทำเอาวงการบันเทิงไทยสั่นสะเทือนมิใช่น้อย เพราะกระทบต่อการถ่ายทำรายการ ถ่ายโฆษณา ถ่ายภาพยนตร์ และงานอีเว้นท์อีกมากมาย ต้องหยุดชะงัก 57...
แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ นางเอกเบอร์ต้นของวงการบันเทิงไทยขึ้นแท่นเป็น “เจ้าแม่กักตัว” เมื่อต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรอบที่ 6 หลังบังเอิญไปใกล้ชิดคนติดโควิดอีกแล้ว! แต่ก็รอดจากการติดเชื้อมาได้ทุกครั้ง แต่ละครั้งดาราสาวบังเอิญไปอยู่ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงหรือคนติดโควิดที่ไหน? และเมื่อไหร่บ้าง? ไปดูกันเลย! ตรวจครั้งที่ 1 วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 หลัง “แต้ว” ได้พบปะพูดคุยกับ...
ปี 2020 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักนั้นหนักหน่วง และแตกแยกกันไปก็หลายคู่มากๆ เรียกได้ว่าโควิดมันเอาไปทุกอย่างจริงๆค่ะ นอกจากงานจะกระทบกระทั่งแล้วนั้น ในส่วนของความรักก็ไม่วาย ต้องมาจบลงเพราะทุกประเทศกำลังปิดและล็อกดาวน์ ทำให้ออกไปไหนกันไม่ได้ หลายๆคู่ต้องแยกกันอยู่คนละประเทศ ไปมาหาสู่กันไม่ได้ดังเดิม ทั้งคู่จะต้องใจแข็งจริงๆถึงจะรอด และหลายๆคู่ก็ไปไม่ถึงฝั่ง เช่นเดียวกันกับ คู่รักไทย ต่างชาติทั้ง 4 คู่นี้ 1. กิจกรรมมันวนๆ เพราะโควิดทำให้ออกไปไหนไม่ได้ จนกลายเป็นน่าเบื่อ เพราะตอนเจอกัน Activity มันวนๆ...
ทั่วโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์ของโควิด ในแต่ละประเทศก็จะมีกฎในการควบคุมเชื้อไวรัสที่แตกต่างกันออกไป อย่างประเทศไทยเราเองก็มีช่วงของพรก. ฉุกเฉิน อยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งจะมีเวลากำหนดว่ากี่โมงถึงกี่โมงที่ห้ามออกนอกสถานที่พักอาศัย แต่เราซึ่งเป็นคนไทยที่ยังติดอยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่กำลังอยู่ในช่วงของการควบคุมสถานการณ์โควิดด้วยเช่นกัน โดยที่นี่จะมีกฎว่า แต่ละโต๊ะนั่งได้ไม่เกิน 4 คน และบาร์เปิดได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับ RM1000 หรือเป็นเงินไทยประมาณ 7 พันกว่าบาท ตำรวจบุกจับปิดทางเข้า-ออก และทุกคนในคลับถูกจับ คืนนั้นเป็นวันศุกร์ เราออกไปHangoutกับเพื่อนๆชาวมาเลเซียตามปกติ ที่บาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง KL พวกเราก็ได้ดื่มเบียร์สังสรรค์กันนิดหน่อย จนถึงเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ทางบาร์ก็เริ่มปิดและทยอยเรียกเช็คบิล ปกติคือเราจะตรงดิ่งกลับบ้านเลยนะ แต่คืนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งชวนไปดื่มต่อที่คลับ ซึ่งจริงๆแล้วที่มาเลเซียคลับยังเปิดไม่ได้ เปิดได้แค่บาร์และร้านอาหารเท่านั้น ด้วยความที่เราติดลม เราจึงตกลงไปต่อกับเพื่อนๆที่คลับนี้ กะว่าแวะไปแป๊ปเดียวก็จะกลับ เมื่อเข้าไปถึงในคลับ พบว่าข้างในคนเยอะมากๆ เรียกได้ว่าแน่นเลยล่ะ เราก็ปาร์ตี้กันกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานโดยไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง อยู่ๆก็มีชายชุดดำสวมเสื้อกั๊กนีออนสีเขียววิ่งเข้ามาและทุกคนในคลับหยุดชะงักดีเจหยุดเล่นเพลง และต่างคนต่างพากันพยายามวิ่งไปที่ประตูเพื่อหาทางออก เราตกใจมาก และงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนพยายามดันกันไปที่ประตูทางออก พอมองออกไปก็ถึงบางอ้อ…… คิดในใจว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวคลับคงจะเคลียร์ได้แหละ แต่เราก็คิดผิด เสียงตำรวจตะโกนบอกให้แยกชาย-หญิง ชายไปฝั่งชวา หญิงไปฝั่งซ้าย และเรียกเก็บพาสปอทของเรา และบัตรประจำตัวประชาชนของทุกคนในคลับนั้น วินาทีที่ต้องเดินขึ้นรถตำรวจคันใหญ่ๆนั้น เรารู้ชะตาตัวเองแล้วล่ะว่ายังไงก็ต้องไม่รอดแน่ๆ เราจึงส่งข้อความบอกครอบครัวเราไว้ก่อนเลยว่า ถ้าเราหายไปไม่ต้องตกใจ ตอนนี้กำลังไปสถานีตำรวจ ชาวต่างชาติต้องแยกจากกัน และพวกเขาปฏิบัติต่อเราเหมือนคนชนชั้นที่สาม พอถึงสถานีตำรวจ เราก็ถูกแยกออกจากกลุ่มเพื่อนชาวมาเลเซียของเรา โดยเราก็ได้เข้าไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีเฉพาะต่างชาติทั้งนั้น และมีเพื่อนในกลุ่มเราที่เป็นฝรั่งด้วย 2 คน ทุกคนอยู่ในสถานีตำรวจตั้งแต่เวลาประมาณ ตี3กว่าๆ จนถึง 7 โมงเช้า เราถูกใส่กุญแจมือ และตำรวจพูดว่าเราและเพื่อนๆต่างชาติ จะต้องถูกพาตัวไปห้องขังนะ เพราะเราทำผิดกฎควบคุมสถานการณ์โควิด และด้วยความที่วีซ่าของเราหมดแล้วด้วย แต่ตามกฎเขาอนุโลมให้ต่างชาติที่ยังติดค้างอยู่ในมาเลเซียอยู่ต่อได้จนกว่าจะหมดช่วง MCO หรือ Movement Control Order 7 โมงเช้า บรรดานักท่องราตรีคนอื่นๆที่เป็นชาวมาเลเซียก็ได้รับใบค่าปรับและแยกย้ายกันกลับบ้านในที่สุด แต่ตำรวจเข้ามาและพาตัวเรากับชาวต่างชาติคนอื่นๆไปยังห้องขังที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง โดยมือของเราก็ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ วินาทีนั้น เราน้ำตาไหลออกมาเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเรากำลังจะเจอกับอะไร เราไม่เคยต้องมาเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อถึงห้องขัง ก็ทำการเปลี่ยนชุดจากชุดเดิมของเราเป็นชุดสีส้ม หรือเรียกง่ายๆว่าชุดนักโทษนั่นแหละ และเจ้าหน้าที่ก็ยึดโทรศัพท์ของเราไป โดยที่ไม่ทันให้เราได้ติดต่อกับใครเลย คือโดนสั่งห้ามติดต่อใคร วันแรกของการใช้ชีวิตครั้งแรกในชีวิตในห้องขังเล็กๆ ที่ข้างในเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะอินโด จีน พม่า เวียดนาม ข้างในนั้นมีคนที่ถูกขังอยู่ประมาณ 20 คนได้ และเป็นห้องที่มีพื้นปูนซีเมนต์ ใช่ค่ะ เราต้องนอนกันบนพื้นแบบนั้นแหละ ...
สำหรับหญิงไทยหรือหนุ่มไทยหลายคน ที่มีแฟนหรือสามี/ภรรยาเป็นคนต่างชาติ โควิด-19 เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาและเธอต้องห่างเหิน ไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ตามปกติเหมือนเช่นเคย มาดูกันว่า เขาและเธอรักษาความรัก ความมั่นคงระหว่างกันไว้ได้อย่างไรกับสถานการณ์ที่ต้องพลัดพรากจากกันในขณะนี้ 1. ผมไม่ได้อยู่กับภรรยาในวันที่เธอคลอดลูกสาวของเรา จนกระทั่งตอนนี้ลูกสาวของเราอายุได้ 5 เดือนแล้ว ฟรีส (ไทย) & Mae (ฟิลิปปินส์) และลูกสาวของพวกเขา คบกัน 2 ปี ตอนนี้ผมอยู่ที่ฟิลิปปินส์นั้นเป็นช่วงเดือนมกราคมของปี 2020 ข่าวการระบาดของโควิด...
เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีที่หนักหนาสาหัสมากสำหรับทุกคนทั่วโลกเลยจริงๆก็ว่าได้ และถือเป็นการกักตัวอยู่ในบ้านที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยเสรีภาพของเราที่ลดลงและการควบคุมการเคลื่อนไหวในทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา ยานพาหนะ เรือ หรือแม้กระทั่งเครื่องบินก็ยังต้องหยุดบินและปิดน่านฟ้าในที่สุด เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการอยู่แต่ในบ้านมันจะเป็นทั้งความท้าทายและความเหนื่อยล้าในเวลาเดียวกัน เราเคยอยากอยู่บ้านมาตลอด แต่เราก็ไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่บ้านนานขนาดนี้ โดยที่แทบจะไม่เห็นตะวันฟ้าดิน มันควรจะเป็นความรู้สึกที่ดีใช่ไหมล่ะกับการได้อยู่บ้าน? ใช่ มันอาจจะดีสำหรับใครที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว หรือกับคนที่รัก แต่เชื่อสิว่าคุณจะต้องรู้สึกอึดอัด วิตกกังวล เครียด ก็เพราะอยู่แต่ในบ้านที่ล่ะ ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่เอาจริงๆมันไม่ได้ง่ายเลย มันสามารถทำให้เราฟุ้งซ่านจนบ้าได้ และเมื่อเราได้ผ่านการกักตัวล็อกดาวน์อยู่ในบ้านกันมาแล้ว นี่คือบทเรียนที่เราได้เรียนรู้กันทั้งหมด 6 ข้อ...