เชื่อว่าแฟน ๆ ดิสนีย์คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เจ้าหญิงกบ” หรือ “เทียน่า” จาก “มหัศจรรย์มนต์รักเจ้าชายกบ” (The Princess and the Frog) เจ้าหญิงผิวสีคนแรกของดิสนีย์ ซึ่งบอกเลยว่าก่อนที่เธอจะมาเป็นเจ้าหญิงได้นั้น เธอก็มีชีวิตที่ลำบากไม่น้อย เหมาะสมกับวลี “หญิงเองก็ลำบาก” เป็นที่สุด!
วันนี้ The Joi จึงจะมาแชร์ 10 สิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ที่แฟนการ์ตูนต้องรู้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
1. จระเข้หลุยส์ในร่างมนุษย์
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสุดคลาสสิกของดิสนีย์ทุกเรื่องมักจะต้องมีสัตว์ต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบเสมอ เช่นเดียวกับ Princess and the Frog ที่ตัวละครหลักเองก็เป็นกบ อีกทั้งยังมีเพื่อนร่วมทางเป็นเจ้าหิ่งห้อยชื่อ “เรย์” และจระเข้ที่ชื่อ “หลุยส์”
อย่างไรก็ตามเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ทางทีมงานผู้ผลิตมีความคิดว่าอยากนำเสนอเรื่องราวในมุมมองที่ต่างออกไป โดยให้หลุยส์เป็นมนุษย์ที่ปรารถนาจะอยู่ในวงดนตรีแจ๊ส แต่ไม่สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ ก่อนที่หมอผีฟาซิเลียจะได้ใช้มนต์ดำทำให้เขาสามารถเล่นดนตรีได้ แต่ต้องแลกมาด้วยการทำให้หลุยส์นั้นกลายเป็นจระเข้ อย่างไรก็ตามไอเดียนี้ถูกยกเลิก เนื่องจากมันค่อนข้างจะคล้ายกับเรื่องราวของตัวละครหลักจนเกินไป
2. แจ็คสเกลลิงตันจาก The Nightmare Before Christmas มาปรากฏตัวในเรื่อง
เป็นที่รู้กันว่าดิสนีย์ชอบที่จะนำตัวละครจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ มาเป็นแขกรับเชิญแบบลับ ๆ ซึ่งมักจะทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้น และพากันคาดเดาทฤษฎีที่ทำให้ภาพยนตร์ต่าง ๆ นั้น ถูกนำมาเชื่อมโยงกัน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ถึงแม้ว่าจะโผล่มาในช่วงสั้น ๆ แต่หลายคนก็คาดเดาว่า “แจ็คสเกลลิงตัน” จาก “The Nightmare Before Christmas” ได้มาปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในเพลง “สหายในโลกวิญญาณ” ที่หมอผีฟาซิเลียร้อง
3. ทริปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ทำให้โอปราห์ วินฟรีย์ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้
ถือเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับทางสตูดิโอที่ได้ “โอปราห์ วินฟรีย์” พิธีกรชื่อดังมาเป็นผู้พากย์เสียงให้แม่ของเทียน่า เพราะการที่ได้คนมีชื่อเสียงระดับนี้มาพากย์เสียงให้ ล้วนแล้วแต่จะเป็นการดีในการโปรโมทและส่งเสริมภาพยนตร์ แต่รู้ไหมว่าเดิมทีบทนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ และผู้กำกับเองก็ไม่ได้เลือกใครไว้ในใจ ซึ่งการที่เธอได้รับบทนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเอาไว้
โดยผู้กำกับ “รอน เคลเมนต์ส” และ “จอห์น มัสเคอร์” ได้ไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์กับโอปราห์ และระหว่างการท่องเที่ยว พวกเขาได้เริ่มพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องต่อไปที่พวกเขากำลังทำอยู่ ซึ่งบังเอิญว่ามันคือ The Princess and the Frog พอดี และโอปราห์เองก็ชอบคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้มาก จนอยากเป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง! ถ้าพวกเขาไม่ได้บังเอิญไปเที่ยวด้วยกัน เธออาจไม่ได้มารับบทแม่ของเทียน่าเลยก็ได้!
4. ย้อนกลับไปในยุค 2000s
ความสำเร็จของ PIXAR ทำให้ดิสนีย์เองเริ่มผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นแบบ CGI มากขึ้น ซึ่งบางเรื่องก็ขึ้นแท่นภาพยนตร์ “ยอดเยี่ยม” ในขณะที่หลายเรื่องก็กลายเป็นภาพยนตร์ “ยอดแย่” ไปซะอย่างนั้น ทำให้ดิสนีย์ต้องรีบแก้ตัว และสำหรับ The Princess and the Frog พวกเขาได้ตัดสินใจว่า วิธีที่ดีที่สุดในการนำความมหัศจรรย์กลับคืนสู่หน้าจอ คือการกลับไปใช้ “รูปแบบการวาดภาพแบบคลาสสิก”
ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นภาพยนตร์ที่วาดด้วยมือทั้งหมด ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีอยู่ โดย Home on the Range ในปี 2004 เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ใช้เทคนิคการสร้างแอนิเมชั่นแบบนี้ และจบลงด้วยความล้มเหลว
5. แขกรับเชิญพิเศษจากอะลาดิน
Easter Egg อีกอย่างที่ซ่อนอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือบรรดาของวิเศษ ที่มาจากภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ ของดิสนีย์อย่าง “อะลาดิน” เราจะเห็นได้จากฉากที่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสะบัดฝุ่นออกจากพรมบริเวณหน้าต่างบ้าน ซึ่งพรมผืนนั้นก็คือพรมวิเศษจากเรื่องอะลาดินนั่นเอง!
นอกจากนี้ยังมีอีกฉากที่แม่หมอโอดี้โยนเหล่าของวิเศษที่เธอสะสมไปมา และหนึ่งในนั้นคือตะเกียงวิเศษ แต่คาดว่าจินนี่คงไม่ได้อยู่ในนั้นแล้ว หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยอิสระ
6. ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาผลิตทั้งสิ้น 3 ปีครึ่ง
เนื่องจากภาพยนตร์ทั้งเรื่องนั้นถูกวาดด้วยมือ บวกด้วยดิจิทัลเอฟเฟกต์บางอย่างที่ช่วยในการผลิต จึงทำให้ใช้เวลานานกว่า 3 ปีครึ่งถึงจะเสร็จสมบูรณ์แบบที่เราทุกคนได้ชม ซึ่งนี่ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก และแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของทีมงานเบื้องหลัง รวมทั้งความรักและความเอาใจใส่ที่ทีมงานมีต่องานชิ้นนี้ ทุกอย่างจึงต้องเป๊ะ เพื่อนำความมหัศจรรย์ของภาพยนตร์ดิสนีย์ในยุคก่อน ๆ กลับมา แม้ว่าตอนนี้จะมีเทคนิคใหม่ ๆ มาช่วยอำนวยความสะดวกก็ตาม
7. รหัส A113
ในภาพยนตร์ PIXAR ทุกเรื่องจะมีการซ่อนรหัส 4 หลัก อย่าง A113 ไว้ บางเรื่องก็ถูกค้นพบ และบางเรื่องก็ยังคงซ่อนอยู่เป็นปริศนา แต่ในเรื่อง The Princess and the Frog นี้ เราทุกคนสามารถมองเห็นรหัส (ไม่) ลับนี้ได้อย่างชัดเจน โดยรหัสดังกล่าวนี้ ก็มาจากห้อง A113 ห้องเรียนที่มหาวิทยาลัย California Institute of Arts ซึ่งนักทำแอนิเมชั่นส่วนมากได้เคยศึกษาเล่าเรียนกันมาก่อน
8. เจ้าหญิงดิสนีย์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อประสบความสำเร็จ
เทียน่าเป็นเจ้าหญิงที่มีภูมิหลังแตกต่างกับเจ้าหญิงดิสนีย์คนอื่น ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ มักจะโดนกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงใจร้าย สูญเสียคนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งถูกคาดหวังในการทำหน้าที่ตามวิถีราชวงศ์ แต่เทียน่านั้นต้องจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างกับพวกเธออย่างสิ้นเชิง เธอมีความฝัน แต่ทำไม่ได้ อีกทั้งต้องหาเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัวอีกต่างหาก
เธอทำในสิ่งที่คนในโลกแห่งความเป็นจริงจะทำ หากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอคือ “ดิ้นรน” ซึ่งแน่นอนว่าเธอทำงานหนัก และเธอก็เป็นเจ้าหญิงดิสนีย์คนแรกและคนเดียวที่ทำ “งาน” ที่เป็น “งาน” จริง ๆ หญิงเองก็ลำบากที่แท้!
9. ดวงดาวของเรย์คือดาวศุกร์
หลังจากนี้มีสปอยล์! หิ่งห้อยที่ชื่อ “เรย์” ถือเป็นอีกตัวละครที่สำคัญในเรื่อง และการจากไปของเขาก็ทำให้หลายคนต้องหลั่งน้ำตา แต่ความรักที่พี่เรย์ของเรามีให้ต่อดวงดาวบนฟากฟ้าถือเป็นสิ่งที่น่ารักและน่าประทับใจที่สุด โดยเขาเชื่อว่าดาวดวงนั้นคือเทพธิดาหิ่งห้อย แถมเรียกเธอว่า “อีแวนเจลลีน” และเมื่อเขาตาย ก็เป็นเหมือนการบอกว่าในที่สุดเขาก็ได้ไปอยู่เคียงข้างสาวที่เขารัก
อย่างไรก็ตามทุกคนอาจจะงงเพราะดาวดวงที่เขาจ้องมองนั้นไม่ใช่ดวงดาว แต่เป็นดาวเคราะห์ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ดาวศุกร์” หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ “วีนัส” โดยวีนัสยังเป็นชื่อของเทพีแห่งความรักอีกด้วย จึงเป็นตัวแทนของความรักที่เรย์มีให้กับอีแวนเจลลีน
10. แรงบรรดาลใจของตัวละครแม่หมอโอดี้
แม่หมอโอดี้เป็นแม่หมอผู้ลึกลับที่สามารถล่วงรู้ดวงชะตาของคนอื่นได้ โดยตัวละครนี้ชวนให้หลายคนนึกถึงหมอดูในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตามมีบุคคลจำนวนมากที่เป็นแรงบันดาลในของแม่หมอโอดี้ คนแรกคือ “โคลีน แซลลี่” นักเขียนผู้มีทั้งชื่อเสียงและพรสวรรค์ เธอได้ร่วมผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้เล็กน้อย ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ถัดมาคือ “มัมส์ แมบลีย์” นักแสดงตลกจากยุค 60 และ 70 ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกกล่าวขานว่าเป็น “ผู้หญิงที่ตลกที่สุดในโลก” ส่วนแรงบันดาลใจสุดท้ายของตัวละครแม่หมอโอดี้ คือ “อาจารย์โยดา” จาก “Star Wars” ลักษณะนิสัยที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของเขา เป็นแรงบันดาลใจให้กับการเล่นโวหารของแม่หมอโอดี้
จบไปแล้วสำหรับ 10 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง “มหัศจรรย์มนต์รักเจ้าชายกบ” (The Princess and the Frog) ต่อไปนี้ก็พูดกับทุกคนได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่าเราเป็นแฟนคลับเจ้าหญิงกบจริง ๆ
ที่มาข้อมูล: Screen Rant